|
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เปิดลายแทงแก๊งลักรถ พื้นที่-เวลา-ยี่ห้อ-รุ่นนิยม
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555
วิธีป้องกันรถหาย
วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555
การดูแลรักษารถเบื้องต้น
ในระบบสตาร์ทรถยนต์โดยทั่วไป ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่กุญแจสตาร์ทจะต้องบิดกุญแจ 3 จังหวะ คือ AC , ON และ START ผู้ขับขี่บางท่านอาจจะปิดกุญแจรวดเดียว 3 จังหวะไปที่ START ถ้ารถท่านเป็นรถใหม่ก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ารถท่านผ่านการใช้งาน
มานาน ๆ อาจต้องสตาร์ทหลายครั้งก่อนที่เครื่องยนต์จะติด ซึ่งระหว่างที่ท่านสตาร์ทรถหลาย ๆ ครั้งนั้น ท่านกำลังทำลายระบบสตาร์ทให้อายุการใช้งานสั้นลง วันนี้เรามีคำแนะนำการสตาร์ทรถที่ถูกวิธี ท่านจะไม่ต้องมานั่งสตาร์ท แชะ แชะ แชะ ให้เสียฟอร์ม และยังเป็นการยืดอายุระบบสตาร์ทให้ใช้งานได้ ดีอีกนานแสนนาน ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. ปิดอุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟทั้งหมดในรถ เช่น เครื่องปรับอากาศไฟหน้า และเครื่องเสียงต่าง ๆ เพื่อให้แบตเตอร์รี่จ่ายไฟเต็มที่
2. เหยีบครัชให้สุด (สำหรับเกียร์ AUTO ให้เข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง N หรือ P เพื่อผ่อนแรงมอร์เตอร์สตาร์ท
3. บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON ค้างไว้ ตราวจเช็คไฟเตือนต่าง (รายละเอียดให้ศึกษาจากคู่มือรถ) รอจนไฟเตือนหัวเผารูปขดสปริงเปลี่ยนจาก สีแดงเป็นสีเขียว หากเครื่องยนต์เย็นควรกดแป้นคันเร่ง 1 ครั้ง
4. บิดกุญแจสตาร์ทเท่านี้คุณก็ไม่ต้องนั่งเสียฟอร์มสตาร์ทรถ แชะ แชะ แชะแล้ว
ขอให้ทำจนเป็นนิสัยไม่ว่ารถเก่าหรือรถใหม่ หากทำตามวิธีนี้แล้วไม่ได้ผลให้ ท่านนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมระบบไฟไดชาร์ท ไดสตาร์ทโดยทั่วไป
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
7 วิธีขับรถให้ประหยัดในหน้าฝน
ในฤดู ฝน..ขับรถยังไงให้ประหยัดและปลอดภัย ก็ฝนกำลังตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ในหน้าฝนแบบนี้เราจึงนำ7 วิธี ขับรถให้ประหยัด ในช่วงหน้าฝนมาบอกกัน
ช่วง นี้อาจจะต้องทำใจกันหน่อย หากรถจะติดมากกว่าเดิม ด้วยเพราะฝนที่ตกลงมา
นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย
โดยเฉพาะช่วงนี้ราคาน้ำมันค่อนข้างแพง ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องแบกรับภาระจาก
ผลกระทบของราคาน้ำมัน ลองนำ 7 วิธี นี้ไปใช้ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันในช่วงฤดูฝน
1. หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาหลังฝนตกใหม่ๆ โดยหันมาใช้การติดต่อกันทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดินแทนก็จะสะดวกและประหยัดน้ำมัน ทั้งยังช่วยลดปัญหาการจราจร ที่ติดขัดอีกด้วย
2. ตรวจเช็คเครื่องยนต์ให้พร้อมก่อนเดินทาง หากมีความจำเป็นต้องเดินทางช่วงฝนตก ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เพราะหากรถดับหรือเสีย ขณะการเดินทางจะทำให้เสียเวลาและทำให้การจราจรติดขัดยิ่งขึ้น
3. ตรวจเช็คเส้นทางให้พร้อมก่อนเดินทาง โดยเลือกเส้นทางการจราจร ที่ใกล้ที่สุดหรือตรวจสอบเส้นทางได้จากรายการวิทยุ สวพ.91 จส.100 หรือโทร.1197 เพื่อให้ไปถึงจุดหมายโดยใช้ระยะทางที่ใกล้ไม่หลงทาง ช่วยทำให้ประหยัดน้ำมัน และควรเตรียมหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานบริการช่วยเหลือกรณีรถเสียระหว่าง ทาง เช่น สถานีวิทยุชุมชน ร่วมด้วยช่วยกัน 1167
4. ตรวจเช็คลมยางและสภาพยางให้ได้มาตรฐาน โดยตรวจเช็คลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะหากลมยางต่ำกว่ามาตรฐานจะทำให้การขับขี่สิ้นเปลืองน้ำมันประมาณร้อยละ 2 และหากสภาพยางไม่ได้มาตรฐานจะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลงซึ่งอาจส่งผลให้ เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
5. ตรวจเช็คผ้าเบรก เพราะช่วงหน้าฝนถนนลื่นกว่าปกติทำให้ต้องแตะเบรกบ่อยครั้ง โดยผู้ขับขี่ควรสังเกตจากเสียงขณะเบรก หรือเบรกแล้วรถไม่หยุดในระยะปกติซึ่งทำให้เปลืองน้ำมันประมาณวันละ 400 ซีซี ฉะนั้นผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน
6. ตรวจเช็คความเร็ว หากใช้ความเร็วสูงเกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะขับรถจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันประมาณร้อยละ 10-25 ดังนั้นควรขับรถความเร็วที่ระดับ 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อลดอุบัติเหตุและช่วยประหยัดน้ำมัน
7. ตรวจเช็คความเย็น ลดอุณหภูมิโดยไม่ปรับแอร์ในรถให้เย็นเกินไป เพราะหน้าฝนอากาศเย็น และควรปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ 30 ซีซี แต่หากไม่ใช้แอร์เลยตลอดการเดินทาง 20-30 นาที จะประหยัดน้ำมันได้ 300 ซีซี
ถ้าผู้ใช้รถทุกท่านปฏิบัติได้ ทั้ง 7 วิธี ที่กล่าวมานี้ รับรองได้ว่านอกจาก ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วย
ประหยัดในกระเป๋า และยังช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555
สุดยอดเทคนิคกันขโมยรถยนต์แบบขำๆ
ที่ดูแล้ว เห็นว่า "ขั้นเทพ" มานำเสนอแก่เพื่อนๆ
ขโมยเมืองไทย เห็นแล้วคงหนาวว แน่ เพราะแต่ละเทคนิค ยังไม่มีในตำรา(โจร)
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
รายงานสถิติการโจรกรรมรถยนต์
(ข้อมูลจาก มติชนออนไลน์)
พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. หัวหน้า ศปจร.น. (ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล) เปิดเผยสถิติการโจรกรรมรถยนต์
ในพื้นที่ กทม.
ระหว่างเดือน ต.ค.2553 ถึง ก.ย. 2554 มีดังนี้
รถยนต์ทุกยี่ห้อถูกโจรกรรมทั้งสิ้น 502 คัน ประกอบด้วย
ยี่ห้อโตโยต้า 156 คัน คิดเป็น 31.08%
ยี่ห้ออีซูซุ 150 คัน คิดเป็น 29.9 %
ยี่ห้อนิสสัน 53 คัน คิดเป็น 10.6%
ยี่ห้อมิตซูบิชิ 41 คัน คิดเป็น 8.2 %
ยี่ห้อฮอนด้า 39 คัน คิดเป็น 7.8 %
ยี่ห้ออื่นๆ 63 คัน
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ประเภทรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า พบว่าส่วนใหญ่เป็นรุ่นวีออส และยารีส
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล หรือกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า จะเป็นรุ่นไฮลักซ์ วีโก้ ยี่ห้ออีซูซุจะเป็นรุ่นดีแม็กซ์ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ โดยเฉพาะที่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
สำหรับสถานที่เกิดเหตุที่รถยนต์ถูกโจรกรรมมากที่สุด เรียงตามลำดับ
ถนน – ตรอก – ซอย เกิดเหตุ 232 คดี
สวนสาธรณะ-ชุมชน เกิดเหตุ 145 คดี
เคหสถาน เกิดเหตุ 71 คดี
ห้างสรรพสินค้า-ร้านค้า เกิดเหตุ 30 คดี
อู่ซ่อมรถยนต์ เกิดเหตุ 15 คดี
สำหรับช่วงเวลาที่เกิดเหตุรถยนต์ถูกโจรกรรมมากที่สุด
ระหว่างเวลา 18.00-04.00 น. แยกเป็น
ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. เกิดเหตุ 137 คดี
ช่วงเวลา 20.01-24.00 น. เกิดเหตุ 121 คดี
ช่วงเวลา 00.01-04.00 น. เกิดเหตุ 103 คดี
ช่วงเวลา 08.01-12.00 น. เกิดเหตุ 48 คดี
ช่วงเวลา 04.01-08.00 น. เกิดเหตุ 47 คดี
…………………………………………………………………………………………………..
สถิติรถยนต์หายตั้งแต่ เดือน ต.ค.54 – ก.พ. 55
รถยนต์หายจำนวน 134 คัน เป็น
ยี่ห้ออีซูซุ โดยเฉพาะรุ่น ดีแมกซ์ 50 คัน
โตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 34 คัน
มิตซูบิชิ รุ่นไทตั้น 11 คัน
ฮอนด้า 9 คัน
นิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ 6 คัน รุ่นอื่นๆ 24 คัน
สถานที่เกิดเหตุ ที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด
ถนน-ตรอก-ซอย 70 คดี
เคหสถาน 13 คดี
อาคาร-ลานจอดรถ 7 คดี
อาคารชุด – แฟลต 6 คดี
สะพานคนข้าม 3 คดี
ช่วงเวลาที่รถยนต์หายมากที่สุด
ช่วงเวลาที่หาย 12.01-18.00 น.เกิดเหตุ 56 คดี
ช่วงเวลา 06.01-12.00 น.เกิดเหตุ 48 คดี
ช่วงเวลา 18.01-24.00 น.เกิดเหตุ 24 คดี
ช่วงเวลา 00.01-06.00 น.เกิดเหตุ 6 คดี
…………………………………………………………………………………………………..
(ขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์ / mpblostcar.com / Mthai News)
วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555
เส้นทางเลียงรถติดสงกรานต์
ใกล้เทศกาลสงกรานต์เข้ามาทุกที สำหรับเพื่อนที่ต้องเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด
เรามีเส้นทางเลี่ยงรถติดวันสงกรานต์มาแบ่งปันกันคะ
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมเพื่อเยี่ยมญาติ หรือ เดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวต่างจังหวัด และเดินทางพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนมาก มักจะก่อให้เกิด ปัญหาการจราจรติดขัด รวมทั้งเกิดอุบัติเหตุในเส้นทางหลวงสายหลัก ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การเดินทางของประชาชนรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น กรมทางหลวงขอแนะนำเส้นทางลัดในการเดินทางไปสู่ภาค ต่าง ๆ ของประเทศ ดังนี้
เส้นทางเลี่ยงรถติด วันสงกรานต์ : ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทาง เพื่อเดินทางสู่ ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ
เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านสุพรรณบุรีไปสู่ชัยนาทเข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่ จ.นครสวรรค์เพื่อไป ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข32) เพื่อสู่ ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข304) ห้าแยกปากเกล็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาข้ามถนนบางพูน – บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไป ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต – องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก, กบินทร์บุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา – สุวินทวงค์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา, พนมสารคาม, กบินทร์บุรี, ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางสู่ ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 8 ไปตามถนนบางนา – บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม.39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ – ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 9 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข7) มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 10 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก
เส้นทางเลี่ยงรถติด วันสงกรานต์ : ภาคใต้
เส้นทางที่ 11 ใช้ถนนธนบุรี – ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัด ภาคใต้
เส้นทางที่ 12 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม,โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้
เส้นทางที่ 13 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย – นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการสอบถามข้อมูล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2345 6530 หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือมีเหตุด่วนเหตุร้าย เดินทางไม่สะดวก สามารถแจ้งได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้
สายด่วนกรมทางหลวง 1586
ศูนย์อำนวยการปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง กรมทางหลวง 0 2354 6832 – 39
หน่วยกู้ภัย มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี (สายใหม่) 0 3857 7852 – 3
หน่วยกู้ภัยวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (บางปะอิน – บางพลี) 0 2509 6832
ตำรวจทางหลวง 1193
credit : Mthai News