วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รู้จักกับ GPS Tracking



GPS คืออะไร?? และอะไรคือ GPS?? TOD เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ ท่าน ยังคงมีคำถามนี้อยู่ในใจ แล้วยิ่งมาเจอกับคำว่า GPS Tracking อีก ไหนจะมี GPS Navigator อีก อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเป็น GPS ไปหมด แล้วทั้ง 2 คำนี้มันแตกต่างกันอย่างไรนะ เอ๊ะ! แล้วมันทำงานต่างกันไหมนะ เพื่อไขข้อข้องใจของหลายๆท่าน บทความสำหรับวันนี้ TOD จะขออธิบายให้ทุกท่านได้ทราบถึงหลักงานทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัวนี้ ด้วยภาษาง่ายๆ สบายๆ สไตล์ totaldigital กัน นะครับ



GPS ย่อมาจาก...

ก่อนที่เราจะรู้จักการทำงานของเจ้า GPS เรามารู้จักก่อนว่า คำว่า GPS เนี่ย มันย่อมาจากคำว่าอะไร?
เจ้า GPS เนี่ยมันย่อมาจากคำว่า Global Positioning System แล้วมันแปลว่าอะไรหว่า ?? งั้น TOD ขอ
ตัวไปเปิด Dictionary ก่อนนะครับ ..... มาแล้วครับ อิอิ หลังจากไปเปิด Dic มาพอจะแปลได้ว่า "ทั่วโลกตำแหน่งระบบ" หาา!! อะไรกันเนี่ย ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ งั้นขอลองเรียบเรียงแปลให้มันมีความหมายก็จะได้ว่า GPS ก็คือ "ระบบที่สามารถระบุตำแหน่งต่างๆได้ทั่วโลก" นั่นเอง เฮ่อ ค่อยยังชั่วหน่อย แต่! แล้วมันใช้วิธีการไหนในการระบุตำแหน่งต่างๆได้ทั่วโลกล่ะ TOD ก็จะขออธิบายง่ายๆ ว่าตำแหน่งที่ได้นั้นมาจากการคำนวนพิกัดของดาวเทียมระบุพิกัดที่ลอยอยู่ในอวกาศมากมายถึง 24 ดวง ทั่วโลกนั่นเอง หรือง่ายๆก็คือมีดาวเทียวถึง 24 ดวงที่ค่อยหาตำแหน่งที่เครื่องรับสัญญาณ GPS อยู่ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงส่วนไหนบนพื้นผิวโลก ถ้าคุณพกเครื่องรับสัญญาณ GPS อยู่ TOD ก็สามารถรู้ได้ทันที ว่าคุณอยู่ตรงไหนของโลก จากค่าพิกัด Latitude และ Longitude ที่ได้จากเครื่องรับสัญญาณ GPS นั่นเอง จากความสามารถตรงนี้เองของ GPS เราจึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลาย แต่ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบ คือ GPS Navigator และ GPS Tracking มาล่ะครับ 2 คำนี้ที่ TOD ได้เกริ่นไว้ตอน
เริ่มบทความ ทีนี้เราจะมาดูกันว่าทั้งสองระบบแตกต่างกันอย่างไรโดย TOD จะขออธิบาย ถึง GPS Navigator ก่อนนะครับ


GPS Navigator



มาเริ่มกันที่ GPS Navigator เลยนะครับ TOD คิดว่าผู้อ่านหลายๆท่านคงเคยดูหนังไฮไฟ กันมาบ้างแล้ว เกี่ยวกับรถที่สามารถสื่อสารกับผู้ขับค่อยบอกเส้นทางคอยเตือนอันตรายเมื่อถึงทางแยก อะไรแบบนี้ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้นแล้วนะครับ เพราะในปัจจุบันจากเทคโนโลยี GPS สามารถนำมา สร้างเครื่องนำทางเพื่อคอยบอกเส้นทาง ให้กับเราได้ ที่เรียกกันว่า GPS Navigator นั่นเอง โดยเพียงแค่คุณระบุเป้าหมายที่คุณต้องการจะไป เพียงเท่านี้ เจ้าเครื่อง Navigator จะค้นหาเส้นทางและค่อยนำทางคุณตลอดเส้นทางการเดินทาง เหมือนมีคนมานั่งอ่านแผนที่ให้คุณฟังเลยล่ะครับ

แล้วใน GPS Navigator มันมีอะไรบ้างทำไมถึงได้นำเส้นทางเราได้ TOD จะขออธิบายถึงส่วนหลักเป็นข้อๆนะครับ คือ
1. แผนที่ไงล่ะครับ สิ่งที่สำคัญใน GPS Navigator ก็คือ แผนที่ตามแต่ละประเทศของผู้ใช้งาน เพื่อเป็นตัวระบุตำแหน่งจากค่าพิกัด Latitude และ Longitude ว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงจุดไหนของประเทศแล้ว ถ้าไม่มีแผนที่มีแต่ค่าพิกัด Latitude กับ Longitude อย่างเดียว ก็คงจะแย่เพราะต่อให้นักธรณีวิทยาเองก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ในปัจจุบันแผนที่ใน GPS Navigator ค่อนข้างจะละเอียด แสดงให้เห็นถึงตามตรอกซอกซอยเลย

2. GPS Receiver หรือ ตัวรับสัญญาณ GPS ที่ค่อยรับค่าพิกัดจากสัญญาณดาวเทียวประมาณ 3 - 4 ดวง ในการหาตำแหน่งของตัวเครื่อง GPS Navigator ว่าอยู่บนส่วนใดของโลก แล้วไปแสดงผลบนแผนที่จากข้อ 1 นั่งเอง ถ้าเครื่อง GPS Navigator ของคุณไม่มีเจ้าตัว GPS Receiver เครื่องของคุณก็ไม่ต่างจากแผนที่ธรรมดาทั่วไป

3. POI หรือ Point of Interest ส่วนนี้นี่ล่ะครับที่จะทำให้คุณค้นหาเส้นทางไปยังสถานที่ที่คุณต้องการจะไปได้ เพราะ POI ก็คือข้อมูลจุดต่างๆของแผนที่ โดยบริษัทที่ผลิต GPS Navigator จะทำการเก็บข้อมูลพิกัดสถานที่สำคัญต่างๆ จนถึงร้านค้าเล็กๆ หน้าปากซอยบ้านคุณ ไปใส่ไว้ในแผนที่ เพียงเท่านี้ถ้าคุณต้องการไปร้านข้าวแกงเจ๊เล็ก คุณก็สามารถไปได้โดยไม่หลงอีกแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทด้วยว่าจะเก็บตำแหน่ง POI ไว้มากแค่ไหน จุดนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้ราคาของ GPS Naviator แตกต่างกัน ถ้า POI เยอะก็แพงหน่อย ถ้าน้อยราคาก็ลดหลั่นตามไปครับ

GPS Tracking


ต่อไป TOD จะมาอธิบายถึง GPS Tracking นะครับ คำว่า Tracking ถ้าแปลตรงตัวเลยก็คือ การติดตาม ดังนั้น GPS Tracking ก็คือมี GPS ไว้เพื่อติดตามนั่นเอง ในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ทำเจ้าตัว GPS Tracking ขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับในการติดตามสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถ,เรือ,เด็ก,คนชรา,หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง โดยได้ใส่ option เสริมเข้าไปในตัว GPS Tracking เพื่อให้มันสามารถบอกสิ่งอื่นได้อีกนอกจาก พิกัด Latitude กับ Longitude เท่านั้น โดย GPS Tracking ที่ใช้ในการติดตามรถยนต์ เป็นที่นิยมมากที่สุดในการนำ GPS Tracking มาเพื่อทำการติดตาม โดยได้เพิ่ม Sensor เข้ามาเพื่อหาข้อมูลอื่นๆในรถที่ต้องการทราบ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำมัน,ปริมาณความร้อน,สถานะการติดเครื่องยนต์,ความเร็วของรถที่วิ่งในขณะนั้น,หรือแม้แต่ทิศทางในการวิ่ง และอื่นๆอีกมากมาย

ของ option แต่ละบริษัทที่ต้องการนำเสนอลูกค้า GPS Tracking ที่นำมาติดรถยนต์นั้นเป็นการนำเทคโนโลยี GPS มาผสมผสานกับเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสาร เช่น สัญญาณวิทยุ, SMS, GPRS ซึ่งจะช่วยให้เราทราบตำแหน่งของรถที่เราติดตามได้แบบ Realtime เลย ทีนี้คุณก็จะรู้ได้ตลอดเวลาว่ารถของคุณอยู่ที่ใดบนโลกนี้


ดังที่ TOD ได้บอกไปนะครับว่า GPS Tracking มีการส่งตำแหน่งของรถกลับมาหาเราโดยผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ แต่หลักๆจะอยู่ที่ SMS และ GRPS โดยทั้งสองช่องทางนี้จะต้องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เราใช้โทรออกนี่ล่ะครับ ไว้กับเจ้าตัว GPS Tracking ด้วย

1. การรับข้อมูลด้วย SMS การรับข้อมูลแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่่คุณไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน ให้กับผู้บริการด้าน GPS แต่ยังไงก็ต้องเติมเงินไว้ในซิมที่ติดอยู่กับ GPS อยู่ดี เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราต้องการทราบข้อมูลและตำแหน่งของรถ เราก็เพียงแค่ส่ง SMS ซึ่งเป็นข้อความคำสั่ง หรือแค่โทรไปที่เบอร์ที่ติดกับ GPS Tracking ตัวเครื่อง GPS Tracking จะทำการตัดสายของคุณทิ้ง และส่งข้อความที่เป็นข้อมูลกลับมาที่เครื่องของคุณ แล้วคุณก็ต้องนำพิกัดที่ได้จากข้อความไปหาตำแหน่งในเว็บที่ให้บริการด้านแผนที่ เช่น
Google map ซึ่งให้ใช้บริการฟรีไม่เสียเงินครับ ที่นี้คุณก็แค่เติมเงินในเบอร์ที่ติดอยู่กับ GPS Tracking ให้มีเงินอยู่ตลอดเพื่อใช้ในการส่งข้อความกลับมาหาเรา หรือเพื่อความคุ้มค่าคุณก็ลองหาซิมโทรศัพท์ที่มีเพ็กเกตที่ส่งข้อความฟรี หรือถูกๆดูกันนะครับ

2. การรับข้อมูลด้วยสัญญาณ GPRS การรับข้อมูลแบบนี้เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการติดตามรถของพนักงาน หรือ ผู้ที่ต้องการติดตามรถอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง การรับข้อมูลแบบนี้คุณต้องเสียค่าบริการรายเดือนซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ GPS แต่ละรายล่ะครับ โดยบริษัท GPS จะต้องให้ Software เพื่อใช้ในการติดตามข้อมูลมากับเราด้วย โดยเราสามารถเข้าไปดูข้อมูลผ่าน Software ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง Software แต่ละบริษัทก็จะมีข้อมูล หรือ มีบริการรายงานสรุปข้อมูลต่างๆไว้ให้ตามแต่ละบริษัท


สุดท้ายแล้วนะครับ TOD จะขอสรุปประโยชน์ทีได้จาก GPS Tracking เลยล่ะกัน ดังนี้ครับ

ประโยชน์ที่ได้จาก GPS Tracking

1. ทราบถึงสถานะต่างๆ ในปัจจุบันของสิ่งที่เราต้องการติดตามไม่ว่าจะเป็นคน หรือยานพาหนะ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญ เช่น ตำแหน่ง ในปัจจุบัน

2. ทราบถึงรายงานย้อนหลัง หลายๆ อย่างในระบบยานพาหนะได้ เช่น การคำนวนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่อวัน ระยะทางที่วิ่ง ต่อวันเนื่องจากทั่วไป ระบบ GPS
Tracking ส่วนใหญ่จะมีรายงานย้อนหลัง เพื่อใช้ใน
วิเคระห์สำหรับผู้ดูแลระบบ

3. เพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง เนื่องจาก
สามารถทราบตำแหน่ง และความเร็วของยานพาหนะ ในปัจจุบันได้ ทำให้สามารถเตือนผู้ขับขี่ได้เมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการประสบอุบัติเหตุ รวมถึงบางผู้ผลิตสามารถมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติมายังผู้ควบคุมและไปยังพนักงานขับรถได้ในทันที ที่มีปัจจัยเสี่ยงตามเงื่อนไข เช่น
วิ่งเร็วเกินที่กำหนด หรือ วิ่ง ออกนอกเส้นทางที่วางแผนไว้

4. วางแผนเส้นทางทำงานล่วงหน้า ผู้ผลิต GPS Tracking บางราย อาจเพิ่มระบบที่สามารถวางแผนงานไว้ล่วงหน้าก่อนการเดินทางจะมาถึง และ ระบบสามารถวิเคราะห์ แจ้งเตือนเมื่อมีการทำงานนอกแผนที่วางไว้

5. ลดการทุจริต ผู้ผลิต GPS Tracking บางราย อาจมีระบบในติดตามยานพาหนะ สามารถตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถสรุปสถานะการจอดรถได้ว่า พนักงานจอดรถติดเครื่องอยู่ หรือจอดรถดับเครื่อง ในเวลากี่นาที ซึ่งจะเป็นข้อมูลอย่างดีในกรณี เกิดการขโมยน้ำมันเชื้อเพลิง หรือแอบขายอะไหล่ ได้

สุดท้าย...

เป็นอย่างไรกันบางครับ บทความนี้พอที่จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจเกี่ยวกับ GPS ขึ้นบางไหมครับ TOD หวังว่าบทความนี้จะมีส่วนในการช่วยให้ท่านมีความเข้าใจขึ้นมาบ้างแม้จะ นิดดดดดดดดดดดดดดเดียว ก็ตาม แต่ถ้าหากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบรายละเอียดมากขึ้น สามารถชมกันต่อได้ที่


ก่อนจากกันไปสำหรับบทความนี้นะครับ TOD อยากให้ เพื่อนๆที่มีความสนใจเกี่ยวกับ GPS ลองศึกษาข้อมูลจากหลายๆที่ เลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของท่าน ถ้าต้องการระบบที่ใช้ในการป้องกันการโจรกรรมรถจริงๆ ก็ควรเลือกและศึกษาถึงระบบที่ใช้ในการป้องกันจริงๆ ไม่ใช่ระบบผลพลอยได้ที่ได้จากการติด GPS ทั้งนี้เพื่อความคุ้มค่ากับการใช้งานและเงินทุกบาทที่ท่านเสียไปนะครับ .....ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ

1 ความคิดเห็น: